ประวัติคริสตจักร
OUR HISTORY

คริสตจักร “บ้านพลังรัก” หรือ Power of Love Home Church อยู่ภายใต้สังกัดขององค์การพระกิตติคุณสมบูรณ์สัมพันธ์ในประเทศไทย (พสท.) โดยมี อาจารย์วรรณภา ไตรศักดิพล (Wannapa Traisakdipol) เป็นศิษยาภิบาล และอาจารย์ประยูร ลิมะหุตะเศรณี (Prayoon Limahutaseranee) เป็นที่ปรึกษาคริสตจักร
นิมิตของคริสตจักรคือ
“รักเป็นหนึ่ง พึ่งพระคำ ทำพันธกิจ ร่วมนิมิตงานรับใช้”
คริสตจักรได้มีการนมัสการพระเจ้าครั้งแรกในวันที่ 8 พฤศจิกายน ค.ศ. 2009 โดยการรวมตัวของกลุ่มพี่น้องที่ต้องการขยายอาณาจักรของพระเจ้าตามพระประสงค์ของพระองค์ มีการเริ่มต้นเช่าสถานที่บนถนนลาดพร้าวระหว่างซอย 87 และ 89 และย้ายสถานนมัสการพระเจ้ามาอยู่ที่ถนนจตุโชติ ซอย 10 ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2016 จนถึงปัจจุบัน
โดยพระคุณของพระเจ้า คริสตจักรได้ซื้อที่ดินจำนวน 300 ตารางวา เพื่อเป็นสถานที่สำหรับก่อสร้างอาคารคริสตจักร และคาดว่าอาคารหลังนี้จะเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 2026 โดยสถานที่แห่งนี้จะใช้เป็นศูนย์กลางสำหรับการนมัสการพระเจ้า
คริสตจักรได้เสริมสร้าง และฝึกฝนสมาชิกให้เติบโตเป็นสาวกติดตามองค์พระเยซูคริสต์ เพื่อถวายตัวสำหรับการรับใช้พระเจ้า โดยมี
เป้าหมายหลัก คือ พัฒนาและส่งเสริมชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณในด้านการนมัสการ การเตรียมชีวิตสำหรับการเป็นครูรวี การเป็นพี่เลี้ยงน้องเลี้ยง ฝึกฝนให้สมาชิกสามารถแบ่งปันพระวจนะในกลุ่มย่อยได้อย่างถูกต้องตามหลักพระคัมภีร์ และส่งเสริมให้สมาชิกมีส่วนใน
การรับใช้ตามของประทานที่พระเจ้าประทานให้ เพื่อความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันนอกเหนือจากการประกาศเรื่องขององค์พระเยซูคริสต์
คริสตจักรได้ก่อตั้งมูลนิธิบ้านพลังรัก โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาการศึกษาให้แก่เยาวชนในชุมชนให้มีโอกาสเรียนรู้มากยิ่งขึ้น เสริมสร้างให้เยาวชนมีจิตสำนึกด้านจริยธรรมคุณธรรมตามหลักคำสอนของคริสเตียน รวมถึงการร่วมมือกับองค์กสาธารณประโยชน์และองค์กรการกุศลเพื่อช่วยเหลือคนด้อยโอกาสให้ได้รับการดูแลเอาใจใสมากยิ่งขึ้น
นิมิตของเรา
OUR VISION

รักเป็นหนึ่ง
United in Love

พึ่งพระคำ
Trust in the Word

ทำพันธกิจ
Conduct the Mission

ร่วมนิมิตงานรับใช้
Share the Vision in Service
หลักข้อเชื่อ
STATEMENT OF FAITH
1. พระคริสตธรรมคัมภีร์ เป็นพระวจนะของพระเจ้าเขียนขึ้นโดยการดลใจของพระองค์ ซึ่งหาที่ผิดพลาดไม่ได้ ทรงไว้ซึ่งสิทธิอำนาจสูงสุด แห่งความเชื่อ และการประพฤติปฏิบัติของคริสตชน 2 ทิโมธี 3:16, มัทธิว 5:18-19
2. มีพระเจ้าเที่ยงแท้เพียงองค์เดียว ซึ่งทรงเป็นผู้สร้างสรรพสิ่งทั้งปวง ทรงสำแดงพระลักษณะเป็นตรีเอกานุภาพ คือ พระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ เฉลยธรรมบัญญัติ 6:4, มัทธิว 28:19, ยอห์น 1:3, 2 โครินธ์ 13:14
3. พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ขึ้นตามพระฉายาของพระองค์ แต่มนุษย์ได้กระทำความผิดบาปและเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า ปฐมกาล 1:26-27, โรม 3:23, โรม 5:12
4. พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้า ได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์จากหญิงพรหมจารีโดยฤทธิ์เดชพระวิญญาณบริสุทธิ์ ทรงปราศจากบาป ทรงกระทำการอัศจรรย์ ทรงทนทุกข์ และสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เพื่อไถ่บาปมวลมนุษยชาติ ทรงถูกฝังไว้ แล้ววันที่สามทรงฟื้นคืนพระชนม์ ทรงเสด็จสู่สวรรค์ประทับเบื้องขวาพระหัตถ์ของพระบิดา และจะทรงเสด็จกลับมาในอนาคตเพื่อครอบครองประชาชาติทั้งมวล ยอห์น 1:1, ลูกา 1:26-36, มัทธิว 28:6, 1 โครินธ์ 15:3-4
5. ทางเดียวเท่านั้นที่มนุษย์ได้รับความรอดคือ การกลับใจใหม่และต้อนรับพระเยซูคริสต์เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า กิจการ 4:12, กิจการ 2:38,
โรม 10:9-10
6. พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นพระเจ้า ทรงสถิตอยู่ภายในผู้เชื่อทุกคน ยอห์น 4:24, ยอห์น 14:17, กิจการ 5:3-4
7. การบัพติศมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นพระสัญญาที่พระเจ้าทรงประทานให้แก่ผู้เชื่อทุกคน โดยมีเครื่องหมายที่แสดงออกคือ การพูดภาษาแปลกๆ ลูกา 24:49, กิจการ 1:4, กิจการ 2:4
8. คริสตจักรเป็นพระกายของพระคริสต์ เป็นที่ประทับของพระเจ้าโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่พระเจ้าทรงสถาปนาไว้ เพื่อกระทำให้พระมหา-บัญชาของพระองค์สำเร็จ ผู้เชื่อที่แท้จริงทุกคนและคริสตจักรท้องถิ่นทุกแห่งล้วนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในคริสตจักรสากลอันเป็นชุมชนและครอบครัวของพระเจ้า ซึ่งมีชื่อจารึกไว้ในสวรรค์ เอเฟซัส 1:22-23, เอเฟซัส 2:22, ฮีบรู 12:23
9. บัพติศมาในน้ำ เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงว่าผู้เชื่อได้เข้าส่วนกับพระคริสต์ในความตาย การถูกฝังไว้และการเป็นขึ้นใหม่ พิธีนี้กระทำขึ้นโดยการจุ่มลงในน้ำ โรม 6:3-4, มัทธิว 28:19
10. พิธีมหาสนิท เป็นพิธีระลึกถึง และการประกาศการวายพระชนม์ของพระเยซูคริสต์จนกว่าพระองค์จะกลับมา 1 โครินธ์ 1:23-24
11. การบำบัดโรคภัยไข้เจ็บและการอัศจรรย์ได้มีอยู่ในการไถ่บาปของพระเยซูคริสต์แล้วซึ่งผู้เชื่อทุกคนมีสิทธิ์ที่จะได้รับ 1 เปโตร 2:24,
มาระโก 16:17-18
12. พระเยซูคริสต์จะเสด็จมาครั้งที่สองเพื่อทรงรับผู้ที่เชื่อในพระองค์ ทั้งที่ล่วงหลับไปแล้ว และที่ยังเป็นอยู่ไปกับพระองค์ พระเยซูทรง ปกครองโลกพันปี ร่วมกับบรรดาธรรมิกชนของพระองค์ และจะทรงพิพากษาพญามารกับพรรคพวกของมัน และบรรดาผู้ที่ไม่มีชื่อจดไว้ในหนังสือแห่งชีวิต โดยทิ้งลงไปในบึงไฟซึ่งเป็นความตายครั้งที่สอง ส่วนบรรดาธรรมิกชนจะรอคอยฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกใหม่
1 เธสะโลนิกา 4:16-17, วิวรณ์ 19:20, วิวรณ์ 20:11-15